เมื่อเรามองดูท้องฟ้าในเวลาค่ำคืนเราจะมองเห็นดวงดาวมากมายบนท้องฟ้า
สีทางสีฟ้าจะมีความยาวคลื่นสั้นกว่าสีทางสีแดง
เมื่อตอนกลางวันมาถึงเราก็จะมองไม่เห็นดวงดาว
แต่จริงๆแล้วดวงดาวบนท้องฟ้านั้นมีทั้งตอนกลางวันและกลางคืน
เชื่อผมไหมล่ะ
แต่ทำไมตอนกลางวันมองไม่เห็นล่ะ
เพราะตอนกลางวันมันมีแสงอาทิตย์ที่สว่างจ้าจนบังแสงดาวหมดรึเปล่า
เกือบๆถูกครับ แต่ก็ไม่ทั้งหมด
เพราะบนดวงจันทร์เราสามารถเห็นดาวได้ทั้งกลางวันและกลางคืน
ทำไมเป็นเช่นนั้นล่ะ???
ลองคิดดูว่าโลกของเรากับดวงจันทร์ต่างกันตรงไหนบ้าง
โลกเราใหญ่กว่าเหรอ ไม่น่าจะใช่
อะไรล่ะที่โลกมีแต่ดวงจันทร์ไม่มี?
คนเหรอ น้ำเหรอ ก็ยังไม่ใช่
ชั้นบรรยากาศของโลกนั่นเอง
อากาศที่เราหายใจ ท้องฟ้าของเรา นั่นคือส่วนหนึ่งของชั้นบรรยากาศ
แล้วชั้นบรรยากาศทำให้เราไม่เห็นดวงดาวได้ยังไงล่ะ
มันมีที่มาอย่างนี้ครับ
แสงของดวงอาทิตย์ที่เข้ามายังโลกจะเป็นแสงสีขาว
แต่ในแสงสีขาวของดวงอาทิตย์นั้นมันจะประกอบด้วยสีหลายสีด้วยกัน
ที่มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า สเปคตรัมของแสง
เราเคยเห็นกันรึเปล่าไอ้ สเปคต้ง สเปตตรัม อะไรเนี่ย
ขอบอกว่า เราต้องเคยเห็นกันบ้างสักครั้งสองครั้งหละ
เวลาที่เราเห็นรุ้งกินน้ำยังไงล่ะครับ
สีของรุ้งที่เห็นเกิดจากการที่แสงอาทิตย์หรือแสงแดดของเรา
ตกกระทบกับหยดน้ำในมุมที่ต่างกันทำให้คลื่นแสงแต่ละสีมีการแยกตัวออกมาให้เราเห็นเป็นสีต่างๆของรุ้งยังไงล่ะครับ
แล้วรุ้งมันเกี่ยวอะไรกะที่เรามองไม่เห็นดาวตอนกลางวันล่ะ
ก็เพราะในสีรุ้งหรือสเปคตรัมของแสงที่มี 7 สี
ม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลืองแสด แดง นั้น
พวกนี้มันมีลักษณะของแสงเป็นคลื่นด้วย
เหมือนคลื่นในทะเล เหมือนคลื่นวิทยุ
มีความยาวคลื่นไม่เท่ากัน
สีทางสีฟ้าจะมีความยาวคลื่นสั้นกว่าสีทางสีแดง
แล้วมันมีผลยังไงล่ะ ถึงทำให้เราไม่เห็นดาวตอนกลางวันได้น่ะ
ก็เพราะตอนกลางวัน ดวงอาทิตย์จะทำมุมกับโลกตรงจุดที่เราอยู่ เช่น ประเทศไทย
ในแนวที่เป็นมุมเกือบตั้งฉากกับเรา
เช่น ในตอนกลาววันที่เราเห็นพระอาทิตย์ตรงกับหัวเรา ก็คือตั้งฉากกับพื้นนั้นเอง
แสงของดวงอาทิตย์ที่เห็นเป็นสีขาว
ที่ประกอบด้วยเจ็ดสีที่ผ่านเข้าในโลกนั้น
มันก็หนีไม่พ้นที่จะต้องผ่านชั้นบรรยากาศด้วย
เวลาที่แสงอาทิตย์ผ่านชั้นบรรยากาศนั้น
แสงทางด้านสีฟ้าจะชนกับโมเลกุลของอากาศ
และเกิดสิ่งที่เรียกว่าการกระเจิงแสง
กระจายแสงสีฟ้าออกมาให้เรามองเห็นเป็นฟ้าสว่างจนบดบังแสงของดวงดาวไปจนหมด
บางคนยังสงสัยว่าการกระเจิงแสงคืออะไรล่ะ
อธิบายอาจจะไม่เข้าใจหนักกว่าเก่า
ก็ของให้ทดลองหรือนึกถึงสิ่งต่อไปนี้
1. เวลาเราฉายไฟไปในหมอกจะทำให้เราเห็นไฟสว่างเป็นลำแสงยาวๆ
2.เวลาเราฉายไฟไปในน้ำขุ่นๆ หรือน้ำนม จะเห็นเป็นลำแสงในแก้วน้ำ หรือน้ำนมนั้น
นั่นแหละที่เรียกว่าการกระเจิงแสง
ด้วยเหตุนี้นี่เองเราจึงเห็นฟ้าเป็นสีฟ้าในตอนกลาววัน และมองไม่เห็นดวงดาว
เมื่อถึงตอนกลางคืนไม่มีแสงอาทิตย์ให้เกิดการกระเจิงแสงสีฟ้า
ฟ้าจึงไม่มีอะไรบดบังแสงของดวงดาวได้
เราจึงยังคงมองเห็นดวงดาวได้ในเวลากลางคืนไงครับ
1 ความคิดเห็น:
ดีมากเลยครับ
แสดงความคิดเห็น