วันพุธที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2551

ตอนกลางวันก็มีดาวนะจะบอกให้

เมื่อเรามองดูท้องฟ้าในเวลาค่ำคืนเราจะมองเห็นดวงดาวมากมายบนท้องฟ้า


เมื่อตอนกลางวันมาถึงเราก็จะมองไม่เห็นดวงดาว


แต่จริงๆแล้วดวงดาวบนท้องฟ้านั้นมีทั้งตอนกลางวันและกลางคืน


เชื่อผมไหมล่ะ


แต่ทำไมตอนกลางวันมองไม่เห็นล่ะ

เพราะตอนกลางวันมันมีแสงอาทิตย์ที่สว่างจ้าจนบังแสงดาวหมดรึเปล่า


เกือบๆถูกครับ แต่ก็ไม่ทั้งหมด



เพราะบนดวงจันทร์เราสามารถเห็นดาวได้ทั้งกลางวันและกลางคืน


ทำไมเป็นเช่นนั้นล่ะ???


ลองคิดดูว่าโลกของเรากับดวงจันทร์ต่างกันตรงไหนบ้าง


โลกเราใหญ่กว่าเหรอ ไม่น่าจะใช่


อะไรล่ะที่โลกมีแต่ดวงจันทร์ไม่มี?


คนเหรอ น้ำเหรอ ก็ยังไม่ใช่

สิ่งที่สิ่งที่โลกมีแต่ดวงจันทร์ไม่มีและทำให้เรามองไม่เห็นดวงจันทร์ก็คือ....

ชั้นบรรยากาศของโลกนั่นเอง

อากาศที่เราหายใจ ท้องฟ้าของเรา นั่นคือส่วนหนึ่งของชั้นบรรยากาศ


แล้วชั้นบรรยากาศทำให้เราไม่เห็นดวงดาวได้ยังไงล่ะ


มันมีที่มาอย่างนี้ครับ


แสงของดวงอาทิตย์ที่เข้ามายังโลกจะเป็นแสงสีขาว


แต่ในแสงสีขาวของดวงอาทิตย์นั้นมันจะประกอบด้วยสีหลายสีด้วยกัน


ที่มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า สเปคตรัมของแสง


เราเคยเห็นกันรึเปล่าไอ้ สเปคต้ง สเปตตรัม อะไรเนี่ย

ขอบอกว่า เราต้องเคยเห็นกันบ้างสักครั้งสองครั้งหละ


เวลาที่เราเห็นรุ้งกินน้ำยังไงล่ะครับ

สีของรุ้งที่เห็นเกิดจากการที่แสงอาทิตย์หรือแสงแดดของเรา


ตกกระทบกับหยดน้ำในมุมที่ต่างกันทำให้คลื่นแสงแต่ละสีมีการแยกตัวออกมาให้เราเห็นเป็นสีต่างๆของรุ้งยังไงล่ะครับ


แล้วรุ้งมันเกี่ยวอะไรกะที่เรามองไม่เห็นดาวตอนกลางวันล่ะ


ก็เพราะในสีรุ้งหรือสเปคตรัมของแสงที่มี 7 สี


ม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลืองแสด แดง นั้น


พวกนี้มันมีลักษณะของแสงเป็นคลื่นด้วย


เหมือนคลื่นในทะเล เหมือนคลื่นวิทยุ


มีความยาวคลื่นไม่เท่ากัน

สีทางสีฟ้าจะมีความยาวคลื่นสั้นกว่าสีทางสีแดง


แล้วมันมีผลยังไงล่ะ ถึงทำให้เราไม่เห็นดาวตอนกลางวันได้น่ะ

ก็เพราะตอนกลางวัน ดวงอาทิตย์จะทำมุมกับโลกตรงจุดที่เราอยู่ เช่น ประเทศไทย


ในแนวที่เป็นมุมเกือบตั้งฉากกับเรา


เช่น ในตอนกลาววันที่เราเห็นพระอาทิตย์ตรงกับหัวเรา ก็คือตั้งฉากกับพื้นนั้นเอง


แสงของดวงอาทิตย์ที่เห็นเป็นสีขาว


ที่ประกอบด้วยเจ็ดสีที่ผ่านเข้าในโลกนั้น


มันก็หนีไม่พ้นที่จะต้องผ่านชั้นบรรยากาศด้วย

เวลาที่แสงอาทิตย์ผ่านชั้นบรรยากาศนั้น


แสงทางด้านสีฟ้าจะชนกับโมเลกุลของอากาศ


และเกิดสิ่งที่เรียกว่าการกระเจิงแสง
กระจายแสงสีฟ้าออกมาให้เรามองเห็นเป็นฟ้าสว่างจนบดบังแสงของดวงดาวไปจนหมด


บางคนยังสงสัยว่าการกระเจิงแสงคืออะไรล่ะ


อธิบายอาจจะไม่เข้าใจหนักกว่าเก่า


ก็ของให้ทดลองหรือนึกถึงสิ่งต่อไปนี้

1. เวลาเราฉายไฟไปในหมอกจะทำให้เราเห็นไฟสว่างเป็นลำแสงยาวๆ



2.เวลาเราฉายไฟไปในน้ำขุ่นๆ หรือน้ำนม จะเห็นเป็นลำแสงในแก้วน้ำ หรือน้ำนมนั้น





นั่นแหละที่เรียกว่าการกระเจิงแสง

ด้วยเหตุนี้นี่เองเราจึงเห็นฟ้าเป็นสีฟ้าในตอนกลาววัน และมองไม่เห็นดวงดาว


เมื่อถึงตอนกลางคืนไม่มีแสงอาทิตย์ให้เกิดการกระเจิงแสงสีฟ้า


ฟ้าจึงไม่มีอะไรบดบังแสงของดวงดาวได้


เราจึงยังคงมองเห็นดวงดาวได้ในเวลากลางคืนไงครับ

1 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

ดีมากเลยครับ